โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือทีมชาติอิตาลีที่ทำให้ยักษ์หลับตื่นได้สำเร็จ

ในส่วนของทีมชาติที่ลงแข่งในรายการแข่งขันศึกยูโร 2020 นั้นล้วนแล้วแต่เป็นทีมชาติที่มีความสามารถในการเล่นฟุตบอลอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะในปีนี้ที่แต่ละทีมต่างก็มีโอกาสที่จะได้เข้ารอบชิงชนะเลิศแทบทุกทีม บางครั้งมีทีมไหนตกรอบไปหลายคนไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าทีมนี้จะตกรอบแล้ว หนึ่งในทีมที่มีฟอร์มการเล่นน่ากลัวมากที่สุดใน Tournament ดังกล่าวคงจะหนีไม่พ้นอิตาลี แต่อย่างไรก็ตามอิตาลีนั้นเป็นทีมที่ไม่สามารถคว้าแชมป์การแข่งขันยูโรได้เลยมาตั้งแต่ปี 1968 เป็นระยะเวลากว่า 53 ปีที่ยักษ์ใหญ่ตัวนี้ได้หลับไหลอย่างยาวนาน และผู้ที่มาปลุกยักษ์หลับให้ตื่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นกุนซือทีมชาติอิตาลีอย่างโรแบร์โต้ มันชินี่ มันสมองที่พาทีมสามารถเพราะฉันในรายการแข่งขันการกล่าวได้สำเร็จในที่สุด

หากใครเคยตามข่าวคราวเกี่ยวกับวงการฟุตบอลมาอย่างยาวนานน่าจะพอทราบว่ารูปแบบการแข่งขันของทีมชาติอิตาลีนั้นจะมีสไตล์ที่มีชื่อเรียกโดยเฉพาะนั่นก็คือคาเตนัชโช่ เป็นสไตล์การเล่นที่มีความเหนียวแน่นเป็นพิเศษ สามารถสวนกลับได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะการทำประตูคู่แข่งได้แบบที่อีกฝ่ายไม่ทันได้รู้ตัว มักจะเน้นผลการแข่งขันมากกว่าการถล่มยิงคู่แข่ง แต่ในปัจจุบันนี้สไตล์การเล่นแบบดังกล่าวก็ได้เรือนหายไปจากฟอร์มของทีมชาติอิตาลี แต่เมื่อปี 2018 โรแบร์โต้ มันชินี่ก็ได้เข้ามากุมบังเหียนก่อนจะคืนชีพให้ทีมกลับมามีความโดดเด่นได้อีกครั้ง

กุนซือที่เคยเป็นถึงอดีตกุนซือจากสโมสรใหญ่ในพรีเมียร์ลีกยังแมนเชสเตอร์ ซิตี้ผู้นี้ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงฟอร์มการเล่นของทีมชาติอิตาลีทั้งระบบการเล่นที่เดิมทีใช้ 5-3-2 มาใช้เป็น 4-3-3 ที่หลายสโมสรในพรีเมียร์ลีกนิยมใช้กัน เข้ามาเปลี่ยนสไตล์การเล่นให้แตกต่างไปจากเดิม ไม่เพียงเท่านั้นยังมีกลยุทธ์ที่สามารถบีบคู่แข่งได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยให้นักเตะสามารถครองบอลได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น แม้แต่กองหลังก็สามารถมีส่วนในการเติมเกมรุกให้เต็มมากขึ้นได้

เราจะเห็นในการแข่งขัน Euro 2020 ว่ากองหลังของอิตาลีโดยเฉพาะเลโอนาร์โด สปินาซโซลาสามารถเข้ามามีส่วนร่วมกับเกมรุกของทีมได้เป็นอย่างดี จากทั้งหมด 12 นัดที่ทีมต้องพบกับอันดับ Top 30 ของ Ranking ทีมชาติอังกฤษนั้นจะมีค่าเฉลี่ยคลองบอนอยู่ที่ 59 เปอร์เซ็นต์ต่อเกมเลยทีเดียว ส่วนในการแข่งขันยูโรครั้งนี้ทีมชาติอิตาลีสามารถครองบอลได้ที่ 53.6 เปอร์เซ็นต์ต่อเกม ติดอันดับที่ 4 เป็นรองเพียงแค่เยอรมัน สเปน และเนเธอร์แลนด์เท่านั้น

อ่านข่าวเพิ่มเติมที่ :: ข่าวกีฬา

แฟนเพจเฟสบุ๊ค :: Extremesoccer89